เทคนิคการเดาความหมายศัพท์
ในบางครั้งที่อ่านบทความภาษาอังกฤษ เราอาจพบกับคำศัพท์ใหม่ๆ ที่เราไม่ทราบความหมาย พจนานุกรม (Dictionary) เป็นสิ่งที่จะช่วยเราได้ดีที่สุดและทำให้เราได้เรียนรู้คำใหม่นั้นๆ ในการเปิดดูความหมายของคำศัพท์
ในพจนานุกรม เราควรดูที่มาของคำศัพท์นั้นประกอบกับคำแปลด้วย เพราะคำศัพท์ใหม่คำอื่นๆ อาจประกอบด้วย
ราก ศัพท์หรือที่มาของคำศัพท์เราจำได้จากคำศัพท์เก่าที่เราเคยเปิดพจนานุกรมดู แล้ว ทำให้เราพอจะเดาความหมาย ได้คร่าวๆ หรืออาจจะถูกต้องเลยก็ได้ นอกจากนั้นเวลาเปิดพจนานุกรมเราควรดูการออกเสียงของคำศัพท์นั้นๆ ด้วย รวมถึงการเน้นเสียง (Stress) ที่ถูกต้อง เพราะมีบ่อยครั้งที่ลักษณะการออกเสียงไม่เป็นไปอย่างที่เราคาดไว้
ถ้าเราไม่มีพจนานุกรม เราก็คงต้องเดาความหมายคำศัพท์คำใหม่นั้นๆ แต่เป็นการเดาอย่างมีหลักการ ซึ่งเราแบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอนใหญ่ๆ ได้แก่
1. การเดาความหมายจากข้อความแวดล้อม (Context clues)
ตัวอย่างเช่น Elvis Presley was afraid of being assassinated, and he wore a bullet-proof vest, but he couldn't stay away from the crowds who loved him.
จากประโยคข้างต้น ความหมายของคำว่า assassinate น่าจะหมายถึง ฆ่า เพราะข้อความที่ตามมาบอกว่า เขาใส่เสื้อเกราะกันกระสุน ดังนั้นสิ่งที่ Elvis Presley กลัวก็น่าจะหมายถึงการถูกฆ่าหรือจากตัวอย่างเช่น
His sister is so indolent. She sleeps late and never does chores unless yelled at.
คำว่า indolent น่าจะหมายความว่า ขี้เกียจ เพราะจากประโยคที่ตามมาว่าเธอหลับดึกและไม่ทำงานบ้าน นอกจากจะถูกตะโกนสั่ง
2. การเดาความหมายโดยวิธีแยกรากศัพท์
เราอาจแยกส่วนประกอบของคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ยาวๆ ออกเป็น Prefix, Root และ/หรือ Suffix โดยที่ Prefix หมายถึง คำที่วางหน้าส่วน Root (รากศัพท์) แล้วทำให้เกิดความหมายหรือทำให้ความหมายของ Root นั้นเปลี่ยนไป เช่น
ในบางครั้งที่อ่านบทความภาษาอังกฤษ เราอาจพบกับคำศัพท์ใหม่ๆ ที่เราไม่ทราบความหมาย พจนานุกรม (Dictionary) เป็นสิ่งที่จะช่วยเราได้ดีที่สุดและทำให้เราได้เรียนรู้คำใหม่นั้นๆ ในการเปิดดูความหมายของคำศัพท์
ในพจนานุกรม เราควรดูที่มาของคำศัพท์นั้นประกอบกับคำแปลด้วย เพราะคำศัพท์ใหม่คำอื่นๆ อาจประกอบด้วย
ราก ศัพท์หรือที่มาของคำศัพท์เราจำได้จากคำศัพท์เก่าที่เราเคยเปิดพจนานุกรมดู แล้ว ทำให้เราพอจะเดาความหมาย ได้คร่าวๆ หรืออาจจะถูกต้องเลยก็ได้ นอกจากนั้นเวลาเปิดพจนานุกรมเราควรดูการออกเสียงของคำศัพท์นั้นๆ ด้วย รวมถึงการเน้นเสียง (Stress) ที่ถูกต้อง เพราะมีบ่อยครั้งที่ลักษณะการออกเสียงไม่เป็นไปอย่างที่เราคาดไว้
ถ้าเราไม่มีพจนานุกรม เราก็คงต้องเดาความหมายคำศัพท์คำใหม่นั้นๆ แต่เป็นการเดาอย่างมีหลักการ ซึ่งเราแบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอนใหญ่ๆ ได้แก่
1. การเดาความหมายจากข้อความแวดล้อม (Context clues)
ตัวอย่างเช่น Elvis Presley was afraid of being assassinated, and he wore a bullet-proof vest, but he couldn't stay away from the crowds who loved him.
จากประโยคข้างต้น ความหมายของคำว่า assassinate น่าจะหมายถึง ฆ่า เพราะข้อความที่ตามมาบอกว่า เขาใส่เสื้อเกราะกันกระสุน ดังนั้นสิ่งที่ Elvis Presley กลัวก็น่าจะหมายถึงการถูกฆ่าหรือจากตัวอย่างเช่น
His sister is so indolent. She sleeps late and never does chores unless yelled at.
คำว่า indolent น่าจะหมายความว่า ขี้เกียจ เพราะจากประโยคที่ตามมาว่าเธอหลับดึกและไม่ทำงานบ้าน นอกจากจะถูกตะโกนสั่ง
2. การเดาความหมายโดยวิธีแยกรากศัพท์
เราอาจแยกส่วนประกอบของคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ยาวๆ ออกเป็น Prefix, Root และ/หรือ Suffix โดยที่ Prefix หมายถึง คำที่วางหน้าส่วน Root (รากศัพท์) แล้วทำให้เกิดความหมายหรือทำให้ความหมายของ Root นั้นเปลี่ยนไป เช่น
Re- = again : Reuse = use again Reload = load again Reheat = heat again Inter- = between : Interact = act in between En- or Em- + adj. = to make : Ensure = to make sure Enlarge = to make large En- or Em- + n. or v. = to put into or on : Endanger = to put into danger Empanel = to put in a panel |
ส่วน Root หรือ รากศัพท์ เป็นส่วนที่เราต้องเพ่งความสนใจเป็นพิเศษเพราะมันเป็นส่วนที่ให้ความหมาย หลัก แต่ก็เป็นส่วนที่เราต้องจำมากที่สุดด้วย เช่น
aqua = water : Aquarium = an artificial pond for water creatures fact = make,do : Manufacture = to make (goods) using machinery ject = throw : Trajectory = a path of something thrown in the air vert = turn,change : Convert = to change from one form to another port = carry : Portable = that can be easily carried |
สุดท้ายก็เป็น Suffix ซึ่งเป็นส่วนที่บอกถึงหน้าที่ (Part of speech) ของคำนั้นๆ เช่น
Portable (adjective) = that can be easily carried Portably (adverb) = in the way that can be easily carried Portage (noun) = (cost of) carrying goods ; carrying boats Portative (adjective) = of carrying ; able to be carried |
อย่าง ไรก็ตาม การเดาความหมายโดยวิธีแยกรากศัพท์นี้ไม่สามารถใช้ได้กับคำศัพท์ทุกคำ เพราะคำบางคำ มีที่มาจากคำเฉพาะของมันเอง ไม่ได้เกิดจากการประกอบกันของ Prefix, Root และ Suffix ดังกล่าว เช่นคำว่า Injury (n) แปลว่า การบาดเจ็บ ไม่ได้เกิดจากคำว่า In (ที่เราอาจเผลอคิดไปว่าเป็น Prefix) ต่อกับคำว่า Jury
(ที่เราคิดว่าเป็น Root) ที่แปลว่าคณะลูกขุน จะเห็นว่า Injuryไม่ได้มีความหมายเกี่ยวอะไรกับคณะลูกขุนเลย เป็นต้น
**ถ้าเราวิเคราะห์ให้ลึกๆ อีกที เราจะทราบว่าเมื่อเราทดลองแยกรากศัพท์แล้วส่วนของ Root ที่ถูกแยกออกจาก Prefix และ Suffixมักจะเป็นรากศัพท์ของกรีกหรือลาตินซึ่งไม่ได้มีความหมายตรงกับความหมายของคำๆนั้นเมื่อเป็นคำภาษาอังกฤษโดยตัวมันเองตัวอย่างเช่น
Tangent(n) = a straight line that touches the outside of a curve
ซึ่งสามารถแยกออกเป็น Root ซึ่งก็คือ Tang เป็นรากศัพท์หมายถึง touch แต่คำว่า Tangนี้เองก็เป็นคำในภาษาอังกฤษโดยตัวมันเองซึ่งแปลว่า รสชาด(เปรี้ยว)จี๊ดหรือกลิ่นฉุน จะเห็นว่าคำแปลของ Tangent นั้นไม่เกี่ยวข้องกับรสชาติหรือกลิ่นฉุนเลย
**จุดนี้เราต้องแยกให้ออก คราวนี้มาถึงขั้นตอนของการแยกรากศัพท์ ขั้นแรกต้องแยก Prefix หรือ Suffix ออกไปก่อน โดยนึกถึง Prefix/Suffix ที่เราคุ้นเคย แล้วจึงค่อยมาพิจารณา Root ทีหลัง บางครั้งเราอาจต้องใช้วิธีทดลองแยกหลายๆ แบบ ถ้าเราไม่รู้จัก Prefix/Suffix นั้นๆ เช่น คำว่า Dermatitis ถ้าแยกเป็น De- + rmat + -itis เพราะคิดว่าคำนี้มี Prefix เป็น De- (หมายถึงทำให้เลวลง,ลดลง) และ Suffix เป็น -itis (หมายถึงการอักเสบ) จะเห็นว่า Root "rmat"นั้นไม่มีความหมาย หรือถ้าแยกเป็น Derm- + atit + is โดยคิดว่า Derm- เป็น Prefix ที่แปลว่าเกี่ยวกับผิวหนัง Root "atit" และ Suffix "is" ก็ไม่มีความหมายอีกที่จริงแล้วต้องแยกเป็น Dermat- + itis โดย Dermat- เป็น Root แปลว่าผิวหนังหรือเกี่ยวกับผิวหนัง ส่วน -itis เป็น Suffix หมายถึงการอักเสบ เพราะฉะนั้นคำว่า Dermatitis ก็คือการอักเสบของผิวหนัง นั่นเอง
**สังเกตว่าคำนี้ไม่มี Prefix ดังนั้นจะเห็นว่า คนที่มีความรู้เรื่อง Root, Prefix และ Suffix มากๆ จะสามารถเข้าใจความหมายของคำศัพท้มากมาย
(ที่เราคิดว่าเป็น Root) ที่แปลว่าคณะลูกขุน จะเห็นว่า Injuryไม่ได้มีความหมายเกี่ยวอะไรกับคณะลูกขุนเลย เป็นต้น
**ถ้าเราวิเคราะห์ให้ลึกๆ อีกที เราจะทราบว่าเมื่อเราทดลองแยกรากศัพท์แล้วส่วนของ Root ที่ถูกแยกออกจาก Prefix และ Suffixมักจะเป็นรากศัพท์ของกรีกหรือลาตินซึ่งไม่ได้มีความหมายตรงกับความหมายของคำๆนั้นเมื่อเป็นคำภาษาอังกฤษโดยตัวมันเองตัวอย่างเช่น
Tangent(n) = a straight line that touches the outside of a curve
ซึ่งสามารถแยกออกเป็น Root ซึ่งก็คือ Tang เป็นรากศัพท์หมายถึง touch แต่คำว่า Tangนี้เองก็เป็นคำในภาษาอังกฤษโดยตัวมันเองซึ่งแปลว่า รสชาด(เปรี้ยว)จี๊ดหรือกลิ่นฉุน จะเห็นว่าคำแปลของ Tangent นั้นไม่เกี่ยวข้องกับรสชาติหรือกลิ่นฉุนเลย
**จุดนี้เราต้องแยกให้ออก คราวนี้มาถึงขั้นตอนของการแยกรากศัพท์ ขั้นแรกต้องแยก Prefix หรือ Suffix ออกไปก่อน โดยนึกถึง Prefix/Suffix ที่เราคุ้นเคย แล้วจึงค่อยมาพิจารณา Root ทีหลัง บางครั้งเราอาจต้องใช้วิธีทดลองแยกหลายๆ แบบ ถ้าเราไม่รู้จัก Prefix/Suffix นั้นๆ เช่น คำว่า Dermatitis ถ้าแยกเป็น De- + rmat + -itis เพราะคิดว่าคำนี้มี Prefix เป็น De- (หมายถึงทำให้เลวลง,ลดลง) และ Suffix เป็น -itis (หมายถึงการอักเสบ) จะเห็นว่า Root "rmat"นั้นไม่มีความหมาย หรือถ้าแยกเป็น Derm- + atit + is โดยคิดว่า Derm- เป็น Prefix ที่แปลว่าเกี่ยวกับผิวหนัง Root "atit" และ Suffix "is" ก็ไม่มีความหมายอีกที่จริงแล้วต้องแยกเป็น Dermat- + itis โดย Dermat- เป็น Root แปลว่าผิวหนังหรือเกี่ยวกับผิวหนัง ส่วน -itis เป็น Suffix หมายถึงการอักเสบ เพราะฉะนั้นคำว่า Dermatitis ก็คือการอักเสบของผิวหนัง นั่นเอง
**สังเกตว่าคำนี้ไม่มี Prefix ดังนั้นจะเห็นว่า คนที่มีความรู้เรื่อง Root, Prefix และ Suffix มากๆ จะสามารถเข้าใจความหมายของคำศัพท้มากมาย
Prefixes
คำศัพท์ที่มีรากศัพท์มาจากภาษากรีกมักมี Prefix ทำหน้าที่เป็น Preposition ซึ่งจะลงท้ายด้วยสระ ถ้า Root ที่ตามมาขึ้นต้นด้วยสระด้วย จะเกิดการลดรูปโดยตัดสระท้าย Prefix นั้นทิ้ง (ยกเว้น Peri-) เช่น Prefix "meta-"ถ้านำหน้า Root "morphosis" เกิดคำว่า metamorphosis แต่ถ้านำหน้า "encephalon"จะเกิดคำว่า metencephalon แต่คำว่า Peri-(รอบๆ) รวมกับ Otic (เกี่ยวกับหู) ก็ยังเป็น Periotic ที่แปลว่า รอบๆหู
ส่วน Prefix ที่มาจากภาษาลาตินอาจเปลี่ยนพยัญชนะท้ายตามพยัญชนะที่ขึ้นต้นของ Root เพื่อให้การออกเสียงคำนั้นง่ายขึ้น เช่น Prefix "ad-" รวมกับ Root+Suffix "finity"จะกลายเป็น Affinity หรือ Prefix "in-"กับ Root+Suffix "radiation" กลายเป็น Irradiation เป็นต้น
คำประกอบโดยทั่วไป ถ้า Root หรือ Suffix ที่ตามมาขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ ก็มักจะมีการเติม "o" หรือ "i"ระหว่างกลาง เช่น Aerosol ที่แปลว่า คอลลอยด์ที่มีตัวกลางเป็นแก๊ส มาจาก Aer- (อากาศ) + o + -sol (คอลลอยด์ชนิดหนึ่ง) หรือ Lumbocostal ที่แปลว่าเกี่ยวกับส่วนเอวต่อกับซี่โครง มาจาก Lumb- (เอวหรือสีข้าง) + o + -costal (เกี่ยวกับกระดูกซี่โครง) หรือ Curvilinear ที่แปลว่า เป็นเส้นโค้งมาจาก Curv- (เส้นโค้ง) + i + -linear (เป็นเส้น)เป็นต้น
คำศัพท์ที่มีรากศัพท์มาจากภาษากรีกมักมี Prefix ทำหน้าที่เป็น Preposition ซึ่งจะลงท้ายด้วยสระ ถ้า Root ที่ตามมาขึ้นต้นด้วยสระด้วย จะเกิดการลดรูปโดยตัดสระท้าย Prefix นั้นทิ้ง (ยกเว้น Peri-) เช่น Prefix "meta-"ถ้านำหน้า Root "morphosis" เกิดคำว่า metamorphosis แต่ถ้านำหน้า "encephalon"จะเกิดคำว่า metencephalon แต่คำว่า Peri-(รอบๆ) รวมกับ Otic (เกี่ยวกับหู) ก็ยังเป็น Periotic ที่แปลว่า รอบๆหู
ส่วน Prefix ที่มาจากภาษาลาตินอาจเปลี่ยนพยัญชนะท้ายตามพยัญชนะที่ขึ้นต้นของ Root เพื่อให้การออกเสียงคำนั้นง่ายขึ้น เช่น Prefix "ad-" รวมกับ Root+Suffix "finity"จะกลายเป็น Affinity หรือ Prefix "in-"กับ Root+Suffix "radiation" กลายเป็น Irradiation เป็นต้น
คำประกอบโดยทั่วไป ถ้า Root หรือ Suffix ที่ตามมาขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ ก็มักจะมีการเติม "o" หรือ "i"ระหว่างกลาง เช่น Aerosol ที่แปลว่า คอลลอยด์ที่มีตัวกลางเป็นแก๊ส มาจาก Aer- (อากาศ) + o + -sol (คอลลอยด์ชนิดหนึ่ง) หรือ Lumbocostal ที่แปลว่าเกี่ยวกับส่วนเอวต่อกับซี่โครง มาจาก Lumb- (เอวหรือสีข้าง) + o + -costal (เกี่ยวกับกระดูกซี่โครง) หรือ Curvilinear ที่แปลว่า เป็นเส้นโค้งมาจาก Curv- (เส้นโค้ง) + i + -linear (เป็นเส้น)เป็นต้น
Prefixes ที่ควรรู้ | |
ab- ac-,ad-,af-,ag- ambi- ante- anti- arch- auto- bene- bi- circum- co-,com-,con- contra- de- dis- e-,ex- extra- fore- hyper- il-,im-,in-,ir- inter- intra-,intro- mal-,male- mis- mono- non- pan- per- poly- post- pre- pro- re- semi- sub-,sup- super- trans- tri- un- uni- vice- | = from,away ; abnormal, abduct = toward, to ; account,advantage, aggravate = both ; ambidextrous = before ; antechamber, antedate = against ; antisocial, antiporn = great,chief ; archbishop = self ; automatic = well ; benefactor,benevolent = two, twice ; bicycle,bisexual = around ; circumference,circumscribe = with, together ; cooperate,commit, conduct = against, contrary ; contradict = from, down, away ; deport, deteriorate, decelerate = apart from, away ; dissect, distrust, dissipate = from, out, out of ; eject, exclude, expatriate = beyond, outside of ; extraordinary, extraneous = in front of, before ; forebode, forearm = over, beyond ; hypertension = not, in, inside ;illegible, input, impure, irradiate = among, between ; interrupt, intercom, intercede = between, into ;intramural, intravenous, intromit = bad, ill ; malefactor, malady,malfunction = wrong ; misprint,mispronounce, misspell = one ; monotone, monofilament = not, none ; nonsense,nonissue, nonmusic = all ; panorama, pandemic = through, by ; perforate,perceive = many ; polygamy, polyester,polygon = after, behind ; postscript,postlude = before ; preview, precede,prenomen = forward, before ; process, procede, progress = again, back ; reheat,reboil, retreat = half, partly ; semicircle,seminude = under ; subordinate, support = on, over, above ; superior, superabound, superpose = across, over ; transports,transmit = three ; tricolor, tricycle = not, to do in opposite way ; unnecessary, uncover = single, one ; uniform,unify = in place of ;vice-president |
Suffix ที่ควรรู้ | |
-able,-ible (adj) -age (n) -al (adj) -ance,-ence (n) -ant,-ent (adj or n) -ary,-ory (n or adj) -atic,-etic (adj) -cy (n) -er,-or (n) -esque (adj) -ful,-full (adj) -hood (n) -ism (n) -ist (n) -istic (adj) -less (adj) -ly (adv) -ment (n) -ness (n) -ous (adj) -sis -ster (n) -tion,-sion,-ion (n) -tive,-sive (adj or n -tude (n) -tudinous (adj) | = capable,fit ; loanable, sensible = state ;camouflage, appendage = pertaining to ; natural,postural = act of, state of ; patience,importance = in a condition of, one who ; adjacent,assistant = place of, in the state of ; armory,accessory, necessary = of, characterized of ; systematic,sympathetic = state of being ; intimacy, pungency = one who ; villager,inspector, instructor = like ; grotesque,picturesque = having, full ;pitiful, handful, fruitful = state, condition ; ladyhood, neighborhood = state, fact of being ; atheism, Bhuddism = one who do, follow ; physicist, artist, Bhuddist = of -ism ; artistic = without ; airless,cheerless = in the manner of ; commonly, capably = that which ; acomplishment,statement = state of ; madness, foolishness = full of, like ; poisonous,furious = state of ; psychosis, abiosis = one who ; youngser, gangster = act of ; extension, election = of, like ; infective, native,motive = quality of ; altitude,plentitude = having the quality of ; longitudinous |
********************************************
การเดาคำศัพท์โดยดูจากคำเชื่อมที่บอกคำจำกัดความ
หรือนิยาม (Definition)
คำเชื่อมเหล่านี้ ได้แก่
to be be called
mean ( gled) called
to be know as refer to
can be defined as can be thought of
ตัวอย่างที่ 1
A body of water surrounded by land is usually called a lake.
lake = a body of water surrounded by land
ตัวแนะ = is called
ตัวอย่างที่ 2
A committee may be defined as any group interacting in regard
to a common purpose.
committee = any group interacting in regard
to a common purpose
ตัวแนะ = be defined as
หรือนิยาม (Definition)
คำเชื่อมเหล่านี้ ได้แก่
to be be called
mean ( gled) called
to be know as refer to
can be defined as can be thought of
ตัวอย่างที่ 1
A body of water surrounded by land is usually called a lake.
lake = a body of water surrounded by land
ตัวแนะ = is called
ตัวอย่างที่ 2
A committee may be defined as any group interacting in regard
to a common purpose.
committee = any group interacting in regard
to a common purpose
ตัวแนะ = be defined as
1.2 การเดาคำศัพท์โดยดูจากคำเชื่อมที่แสดงการพูดซ้ำความหมาย
(Renaming or Restatement)
คำเชื่อมเหล่านี้ ได้แก่
or that is to say ( หรือ i.e.)
that is in other words
to put in another way viz ( อ่านว่า namely)
ตัวอย่างที่ 1
You can take an escalator, or a moving staircase, to go down to the plateform.
escalator = a moving staircase
ตัวแนะ = or
ตัวอย่างที่ 2
These two circles are concentric. In other words, they have the same center.
concentric = having the same center
ตัวแนะ = in other words
(Renaming or Restatement)
คำเชื่อมเหล่านี้ ได้แก่
or that is to say ( หรือ i.e.)
that is in other words
to put in another way viz ( อ่านว่า namely)
ตัวอย่างที่ 1
You can take an escalator, or a moving staircase, to go down to the plateform.
escalator = a moving staircase
ตัวแนะ = or
ตัวอย่างที่ 2
These two circles are concentric. In other words, they have the same center.
concentric = having the same center
ตัวแนะ = in other words
1.3 การเดาคำศัพท์โดยดูจากคำเชื่อมที่แสดงการเปรียบเทียบที่คล้ายคลึงกัน
(Similarity)
คำเชื่อมเหล่านี้ ได้แก่
as like
as...........as alike
likewise as if
similar just as
just the same as in the same way
comparity compared with
as though
ตัวอย่างที่ 1
Like John who loves to stroll in the park, Jane thinks it is a good
way to spend an evening walking in the park.
stroll = walking
ตัวแนะ = like
ตัวอย่างที่ 2
If you invert the letter "W" you will get the letter "M". In the same way,
you get the letter "u" by turning the letter "n" upside down.
invert = turning the upside down
ตัวแนะ = in the same way
(Similarity)
คำเชื่อมเหล่านี้ ได้แก่
as like
as...........as alike
likewise as if
similar just as
just the same as in the same way
comparity compared with
as though
ตัวอย่างที่ 1
Like John who loves to stroll in the park, Jane thinks it is a good
way to spend an evening walking in the park.
stroll = walking
ตัวแนะ = like
ตัวอย่างที่ 2
If you invert the letter "W" you will get the letter "M". In the same way,
you get the letter "u" by turning the letter "n" upside down.
invert = turning the upside down
ตัวแนะ = in the same way
1.4 การเดาคำศัพท์โดยดูจากคำเชื่อมที่แสดงความขัดแย้ง
(Contrast and Concession)
คำเชื่อมเหล่านี้ ได้แก่
but/yet though / although/
eventhough however / nevertheless
on the other hand
while / whereas on the contrary
in contrast as opposite to
in spite of despite
ตัวอย่างที่ 1
Some people endure great suffering without complaining at all,
while those who cannot cope with pain complain endlessly.
ประโยคนี้มีคำเชื่อมคือ while เชื่อมข้อความที่ขัดแย้งกัน ข้อความแรกกล่าวว่า
บางคน "endure" ความทุกข์ยากลำบากได้โดยไม่บ่นเลย ข้อความหลังกล่าวว่า
แต่บางคนที่ไม่สามารถทนกับความทุกข์ เจ็บปวดได้ (cannot cope with pain)
จะบ่นโดยไม่มีที่สิ้นสุด (complain endlessly) ข้อความหลังจะมีความหมายตรงข้าม
กับข้อความแรก ดังนั้นพอจะเดาได้ว่า endure ซึ่งตรงข้ามกับ cannot cope with
pain คือ ทน ทนทาน หรือ bear นั่นเอง ในพจนานุกรมให้ความหมายคำนี้ไว้ว่า
bear, put up with ซึ่งใกล้เคียงกับที่เดาไว้นั่นเอง
ตัวอย่างที่ 2
An elephant is immense, comparing to a mouse.
mouse (หนู ) เป็นสัตว์ขนาดเล็ก (small)
แต่ elephant (ช้าง) เป็นสัตว์ขนาดใหญ่ (big)
immense =/= small ( not small /big)
ดังนั้น immense = big
(Contrast and Concession)
คำเชื่อมเหล่านี้ ได้แก่
but/yet though / although/
eventhough however / nevertheless
on the other hand
while / whereas on the contrary
in contrast as opposite to
in spite of despite
ตัวอย่างที่ 1
Some people endure great suffering without complaining at all,
while those who cannot cope with pain complain endlessly.
ประโยคนี้มีคำเชื่อมคือ while เชื่อมข้อความที่ขัดแย้งกัน ข้อความแรกกล่าวว่า
บางคน "endure" ความทุกข์ยากลำบากได้โดยไม่บ่นเลย ข้อความหลังกล่าวว่า
แต่บางคนที่ไม่สามารถทนกับความทุกข์ เจ็บปวดได้ (cannot cope with pain)
จะบ่นโดยไม่มีที่สิ้นสุด (complain endlessly) ข้อความหลังจะมีความหมายตรงข้าม
กับข้อความแรก ดังนั้นพอจะเดาได้ว่า endure ซึ่งตรงข้ามกับ cannot cope with
pain คือ ทน ทนทาน หรือ bear นั่นเอง ในพจนานุกรมให้ความหมายคำนี้ไว้ว่า
bear, put up with ซึ่งใกล้เคียงกับที่เดาไว้นั่นเอง
ตัวอย่างที่ 2
An elephant is immense, comparing to a mouse.
mouse (หนู ) เป็นสัตว์ขนาดเล็ก (small)
แต่ elephant (ช้าง) เป็นสัตว์ขนาดใหญ่ (big)
immense =/= small ( not small /big)
ดังนั้น immense = big
1.5 การเดาคำศัพท์โดยดูจากคำเชื่อมที่แสดงตัวอย่าง (Examplification)
คำเชื่อมเหล่านี้ ได้แก่
e.g./for example
for instance such as
like ex.
as follows
ตัวอย่างที่ 1
Do you participate in one of the more popular avocations, such as
jogging, tennis or stamp collecting?
อธิบาย avocations เป็นคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย
such as เป็นคำชี้แนะ หรือคำสัญญาณ
jogging, tennis, stamp collecting เป็นตัวอย่างที่ผู้เขียนยกขึ้นมา
เพราะฉะนั้น avocations ก็คือ งานอดิเรก (hobbies) ทั้งนี้เพราะ jogging
(การวิ่งเหยาะ ๆ) tennis และ stamp collecting เป็นงานอดิเรกทั้งสิ้น
ตัวอย่างที่ 2
When you arrange the condiment shelf, put the salt and pepper next
the paprika.
อธิบาย condiment เป็นคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย
salt and pepper เป็นตัวอย่างที่ผู้เขียนยกขึ้นแสดง
ดังนั้น condiment ก็คือ เครื่องปรุงรส ทั้งนี้เพราะ salt (เกลือ) และ pepper
เป็นเครื่องปรุงรสอาหาร
-------------------------------------
คำเชื่อมเหล่านี้ ได้แก่
e.g./for example
for instance such as
like ex.
as follows
ตัวอย่างที่ 1
Do you participate in one of the more popular avocations, such as
jogging, tennis or stamp collecting?
อธิบาย avocations เป็นคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย
such as เป็นคำชี้แนะ หรือคำสัญญาณ
jogging, tennis, stamp collecting เป็นตัวอย่างที่ผู้เขียนยกขึ้นมา
เพราะฉะนั้น avocations ก็คือ งานอดิเรก (hobbies) ทั้งนี้เพราะ jogging
(การวิ่งเหยาะ ๆ) tennis และ stamp collecting เป็นงานอดิเรกทั้งสิ้น
ตัวอย่างที่ 2
When you arrange the condiment shelf, put the salt and pepper next
the paprika.
อธิบาย condiment เป็นคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย
salt and pepper เป็นตัวอย่างที่ผู้เขียนยกขึ้นแสดง
ดังนั้น condiment ก็คือ เครื่องปรุงรส ทั้งนี้เพราะ salt (เกลือ) และ pepper
เป็นเครื่องปรุงรสอาหาร
-------------------------------------
1.6 การเดาคำศัพท์โดยดูจากคำเชื่อมที่บอกการอธิบายสาเหตุ
และความเป็นเหตุเป็นผล (Cause and Effect or Result)
คำเชื่อมเหล่านี้ ได้แก่
because since
as now that
for because of
และความเป็นเหตุเป็นผล (Cause and Effect or Result)
คำเชื่อมเหล่านี้ ได้แก่
because since
as now that
for because of
ขอบคุณ ชีทราม
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น