ก่อนอื่นต้องขออธิบายสาธยายแจกแจงให้รู้แจ้งเห็นจริงกันก่อน
ว่าไอ้ศัทพ์คำว่า"สตอเบอร์รี่"เนี่ย...มันมีความหมายว่าอย่างไร
ที่จริงคัพท์คำนี้ถูกกำหนดให้มาใช้แทนคำคำนึงครับเพราะความหมายของมันจริงๆ
เวลาเผยอปากพูดออกมาอาจดูไม่งาม ดูไม่มีสกุลรุนชาติ ดูไม่มีการศึกษา จึงมีการ
ระบุเอาคำนี้มาใช้แทน ซึ่งความหมายของมันก็คือ..."ไม่จริงใจ โกหก หลอกลวง ปลิ้นปล้อน ตอแหลม!"
เราเชื่อว่า...คงไม่มีใครไม่เคยสตอเบอร์รี่หรอกครับ
อยู่ที่ว่าใครจะใช้สตอเบอร์รี่น้อย ใครจะใช้สตอเบอร์รี่มาก อันนี้ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน
ถ้าฝึกฝนมาตั้งแต่ยังเด็ก วิชาอาจเก่งกล้าสามารถจนโตขึ้นเป็นเด็กเลี้ยงแกะจนขอซูฮก
ยอมถวายตัวเป็นลูกศิษย์ถวายชีวิตให้ซะอย่างงั้น
แต่ถ้าใครไม่ค่อยชอบสตอเบอร์รี่ไม่ต้องเสียใจ แล้วก็เลิกวิตกกังวลกลัวว่าจะ
ไม่ถูกใครเขวี้ยงสตอเบอร์รี่ใส่หน้าไปได้เลยเพราะว่าคุณ...โดนแน่ๆ
ยิ่งคนมีความรักในขั้นหวานจ๋อยจนน้ำตาลเรียกเจ๊เนี่ย
ไอเรื่องที่อาจจะทำให้น้ำตาลที่หวานอยู่กลายเป็นน้ำตาลไหม้ขมปี๋นั้นมีโอกาสสูงมาก
เพราะอะไรน่ะหรอครับ?
ก็เรื่องที่แฟนตัวเองชอบมาสตอเบอร์รรี่บ่อยๆนั่นแหละ แรกๆตอนคบกัน
มันก็จับไม่ได้หรอก ก็แหม...คนเรารักกัน สตอเบอร์รี่บ้างก็ดูมีสีสันใช่ม๊า...
แต่นานวันเข้า...จากสตอเบอร์รี่แค่สองสามลูกก็เขยิบเป็นสองสามโหล
(อันนี้อาจผกผันตามเวลาการฝึกฝนและความโง่ของคนถูกสตอเบอร์รี่เขวี้ยงใส่หน้า)
ดูกันง่ายๆอย่างตอนจีบกันใหม่ๆแหม...อะไรๆก็ดูเลิศเลอเพอร์เฟ็ค
สเป็กชั้นโน่นก็ดี นี่ก็ใช่
เขาเขวี้ยงสตอเบอร์รี่ใส่หน้ายังไม่รู้สึกรู้สาจนคนรอบข้างคิดว่าตายด้านไปซะแล้ว!
ลองคิดดูสิว่าตอนที่คนเราจีบกันไม่มีใครหน้าไหนหรอกที่กล้าบอกว่า
"ผมเป็นคนไม่ดีครับ
ขโมยเงินแม่ไปซื้อยามาเสพบ่อยๆ" หรือ
"หนูผ่านผู้ชายมาแล้ว10คน" ใคร๊...ใครเค้าจะบอก
ยิ่งมีปมด้อยยิ่งต้องสตอเบอร์รี่กลบเกลื่อนอีกเท่าตัว เพราะกลัวจีบไม่ติด
ชีวิตหดหู่ นั่งหน้ามู่อยู่บนคาน แล้วยิ่งถ้าจีบกันผ่านทางอินเตอร์เน็ตนี่ ยิ่งสตอเบอร์รี่
กันอย่างไม่ลืมหูลืมตาเลย ตั้งแต่ชาตตระกูล โคตรเหง้า การศึกษา นิสัยใจคอ และ
ข้อสุดท้ายที่แสนจะสำคัญที่สุดก็เรื่องหน้าตานี่แหละ คุณลองเข้าไปแชทดู แล้วลองนับดูสิว่า
มีสักกี่คนที่บอกว่า "ผมหน้าตาแย่มาก คนเดินผ่านนึกว่าผี"
หรือ..."หนูหน้ามันเป็นปลาดุก ปากกว้างเป็นปลากระโห้ หูกาง เพดานโหว่" บ้าง
นับเฉพาะนิ้วมือยังเหลือเลย...คิดดูแล้วกัน
แต่บางคนจัดอยู่ในจำพวกสตอเบอร์รี่เก่ง
ที่ว่าเก่งนี่คือไม่ใช่สตอเบอร์รี่ให้เสียไปอย่างง่ายๆ มันมีแบบที่ชอบ
ถ่อมตัวเองว่า"หน้าตาผมไม่ดีหรอกครับ ถ้าคุณเจอแล้วจะเสียใจ" หรือ
"หนูสวยแบบไม่เสร็จ อย่ามาเจอหนูเลยครับ"
เป็นไง...ทีนี้คนที่กำลังจะถูกสตอเบอร์รี่เขวี้ยงใส่ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเลยเกิด
อาการอยากรู้อยากเห็นจนตัวสั้น คาดว่าตัวจริงต้องหล่อแน่เลย เพราะคนหล่อมักจะถ่อมตัว
จึงตกปากรับคำนัดเจอกันอย่างง่ายๆ
สุดท้ายก็ได้หน้าแหก สตอเบอร์รี่แตกดังโผล๊ะ! โอ๊ะโอ...น่าสงสาร
แต่ถ้าเป็นอีกกรณีหนึ่งที่เคยเจอหน้ากันมาก่อนแล้วแบบนี้มักจะสตอเบอร์รี่
สร้างภาพให้ดูดี มีความรู้คู้คุณธรรม รักเด็ก (แต่ในใจบอกว่ารักเด็กเอ๊าะๆ)
เป็นคนธรรมะธรมมโม(แต่ติดไฮโซซะงั้น)
ระยะฟักไข่มันไม่เห็นหรอกคุณเอ๊ย...ต้องอาศัยเวลา
แต่คนส่วนใหญ่มักจะไม่อาศัยเวลาหรอกครับเล่นอาศัยความรู้สึกกันอย่างเดียว
"ชั้นมั่นใจว่าเค้าเป็นคนดี" หรือ "เวลาไม่สามารถพิสูจน์ได้หรอกว่าเค้าเป็นคนยังไง
ของอย่างนี้ต้องฟังเสียงหัวใจอย่างเดียว"
บ้ากันไปใหญ่แล้ว ถ้าใช้ความรู้สึกตัดสินคนกันได้ บ้านเมืองเราคงไม่เกิดคดี
ล่อลวงโกงกินกันหรอกคู๊ณ...
ทีนี้พอยอมให้สตอเบอร์รี่เขวี้ยงหน้าไปได้สักพัก หากยังฉลาดพอจะรู้สึก
ชาที่ใบหน้าขึ้นมาบ้าง แต่ถ้าหากเค้าเขี้ยงสตอเบอร์รี่แบบแผ่วเบาราวกับปุยนุ่น
คุณอาจรู้กตัวช้าหน่อย กว่าจะรู้ตัวหน้าก็แหกถึงขนาดต้องแบกไปศัลยกรรมถึงเมืองนอก
เมืองนา เพราะอยู่เมืองไทยไม่ได้มันอับอายแก่วงศ์ตระกูลเมื่อรู้ว่าคนที่คิดว่าแสนดี
ที่แท้แล้วมันตรงกันข้าม
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม...เราก็ไม่เห็นด้วยถ้าทุกคนจะเลิกสตอเบอร์รี่ใส่กันเพราตามหลักความเป็นจริงแล้ว มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ !
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องสตอเบอร์รี่กับทุกคน ทุกที่ ทุกสถาณการณ์นะครับ
เพียงแค่นำสตอเบอร์รี่มาใช้ให้คุ้มค่า และพึงระลึกว่าสตอเบอร์รี่มันมีผลต่อการใช้ เพราะฉะนั้น
ใช้เท่าที่จำเป็น ใช้เพื่อความอยู่รอด ใช้มากไปก็ทุเรศ ใช้น้อยไปก็ไม่รอด
สรุปแล้ว ใช้น้อยๆแต่ให้ประโยชน์ได้สูงสุด แค่นั้นเองครับ...
ดังนั้น...หากวันนี้มีคนถามคุณว่า
"ใครสตอเบอร์รี่ยกมือขึ้น"
จงยกมือไปอย่างภูมิใจเถอะคะ
แล้วลองหันไปมองดูคนรอบข้าง
หากมันไม่ยกมือ
จงมองมันตั้งแต่หัวจรดหางอย่างไม่ต้องเกรงใจ
แล้วบอกกับมันไปเลยว่า
"แกนั่นแหละ สตอเบอร์รี่ตัวจริง!"
อยากจะบอกว่าเจ้าของบล็อก เหมือนกัน โทษทีนะที่เจ้าของบล็อกทำหน้าแมวๆใส่
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น