ตั้งแต่พวกเราเป็นเด็กจนถึงปัจจุบันเราเคยได้ยินกันมาไม่รู้กี่ร้อยครั้งแล้วว่า ทำอะไรอย่าผลัดวัน
ประกันพรุ่ง มันดูเหมือนเป็นสิ่งง่าย ๆ แต่ว่าเราก็ไม่ค่อยจะได้ทำตามกันสักเท่าไร เรายังคงทำทุกอย่างเมื่อเรา
อยากจะทำ ถ้าไม่อยากทำเราก็บอกตัวเองว่า เอาไว้วันหลังก็ได้ ลองมานั่งคิดดูกันว่าทำไมเค้าต้องสอนเราว่า
อย่าผัดวันประกันพรุ่ง ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม? เพราะชีวิตคนเรามันไม่แน่นอน!!!
และด้วยความไม่แน่นอนนี่เองที่มันทำให้ผมคิดได้ถึงความเป็นจริงของชีวิต ที่พวกเรามักจะมองข้าม
ไปเป็นสัจธรรมของชีวิต เราทุกคนไม่ได้เป็นอมตะ สักวันนึงเราทุกคนก็ต้องตาย ทุกคน!!!
พวกเราหลาย ๆ คนก็ยังอยู่ในช่วงที่เป็นวัยรุ่นอยู่บางคนอาจจะอายุ 19 บางคนอาจจะ 20 21 เคยรู้สึกเหมือนผมมั้ยครับว่าช่วงเวลาเหล่านี้จะอยู่กับเราตลอดไป ไม่มีที่สิ้นสุด เคยรู้สึกกันมั้ยครับ?แต่เชื่อผมเถอะว่าช่วงเวลาเหล่านี้มันจะจากพวกเราไปสักวันนึง และมันก็จะไม่หวนคืนมาอีกเชื่อผมเถอะ!!! อีกไม่นานหรอก คุณและผมก็จะแก่ตัวลงไปและก็จะไม่สามารถทำอะไรได้อย่างที่ต้องการเหมือนช่วงที่เป็นวัยรุ่นนี้อีก เวลาที่คุณอายุ40 คุณอาจจะยังมีเวลาหลงเหลืออยู่ในชีวิต แต่มันก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว บางสิ่งมันเปลี่ยนไปคุณรู้แล้วว่าช่วงเวลาวัยรุ่นไม่อาจหวนคืนกลับมาอีก คุณรู้มั้ยครั้บว่าทางเดินชีวิตของพวกเรามักจะขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่เราเป็นวัยรุ่นนี่แหละ เราจะเดินไปทางไหน จะดีหรือไม่มันขึ้นอยู่กับชว่ งเวลานี้ สิ่งที่คุณทำวันนี้จะเป็นตัวกำหนดอนาคตของคุณ การตัดสินใจในสิ่งต่าง ๆ ของคุณในวันนี้มันจะตามไปหลอกหลอนคุณในวันข้างหน้า ทำให้คุณรู้สึกเสียใจในสิ่งที่คุณไม่ได้ทำหรือไม่ก็มันจะทำให้คุณรู้สึกภาคภูมิใจเพราะคุณได้ทำในสิ่งที่สมควรจะทำ คุณได้ทำในสิ่งที่เหมาะสม
คุณลองถามตัวเองดูสิว่า ถ้าเกิดคุณต้องตายไปในตอนนี้ ในวินาทีนี้ คุณยังต้องเสียใจอะไรอีกหรือไม่?
คุณยังมีสิ่งที่ติดค้างอะไรในชีวิตนี้หรือไม่? คุณได้ทำในสิ่งที่คุณสมควรทำหรือเปล่า? คุณมีความสุขกับชีวิตที่
ผ่านมาหรือเปล่า? ลองจินตนาการกันดูเลยดีกว่า ให้คุณคิดจริง ๆ เลยว่า มีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้อยู่ดี ๆ มันเอาปืน มาจ่อหัวคุณ ในตอนนี้ วินาทีนี้ แล้วมันก็ถามคุณว่า "ก่อนตาย ขอถามสักคำว่า แกมีความสุขกับขีวิตแกหรือ เปล่า? แกมีความสุขกับสิ่งที่แกทำมั้ย?" คุณจะตอบว่าอะไรครับ ใช่ หรือ ไม่ใช่
พวกเราอาจจะตายเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ไมีใครรู้ พรุ่งนี้เราอาจจะถูกรถชนตอนที่เราเดินข้ามถนน หรือเรา
อาจจะเกิดป่วยเป็นโรคร้ายแรงกระทันหันก็ได้ พวกเราไม่สามารถควบคุมความตายได้ มันจะมาเมื่อไหร่ เวลา ไหน ที่ไหน เราควบคุมไม่ได้ เราอาจจะเป็นคนที่อายุยืนถึง 90 ปี แต่เราก็อาจจะโชคร้ายเหมือนกับอีกหลาย ๆ คน ที่ตายตั้งแต่อายุยังน้อย ชีวิตมันไม่แน่นอน
ผมมีเพื่อนรุ่นพี่อยู่คนนึง แกอายุจะ 40 แล้ว ผมนับถือแกมากเพราะแกคอยให้คำปรึกษากับผมใน
หลาย ๆ เรื่อง รวมถึงเรื่องผู้หญิงด้วย แกเคยเล่าประวัติชีวิตให้ผมฟังว่า เมื่อตอนช่วงแกยังวัยรุ่นนั้น แกเป็นคน
ที่ขี้อายมาก ๆ เป็นคนที่ไม่กล้าที่จะเข้าไปจีบสาว ๆ เลย ถึงแม้ว่าแกจะมีเพื่อนที่เป็นผู้หญิงอยู่บ้างแต่ก็ไม่เคยจีบใครสักคน เวลาที่แกไปเจอสาว ๆ ตามที่ต่าง ๆ แกไม่กล้าแม้แต่ที่จะสบตา หรือถ้ารวบรวมความกล้ามองเธอได้ เวลาเธอหันมาแกก็ต้องหลบตาพวกเธอทุกครั้งไป แกบอกผมว่าตลอดชีวิตวัยรุ่นของแก แกเจอสาวสวยตลอดเวลา แต่ก็ไม่เคยมีความกล้าเข้าไปคุยกับสาว ๆ เหล่านั้นเลยสักครั้ง ไม่เคยกล้าเลยแม้แต่ครั้งเดียว แกพลาดโอกาสทองมาโดยตลอด!!! แกคิดว่าแกคงไม่สามารถจีบพวกเธอได้ แกคิดอยู่เสมอว่าสถาณการณ์มันไม่เป็นใจในการจีบสาว และแกก็เรียนจบมาทำงาน แกเป็นคนมีรายได้ดี มีรถ มีบ้าน เป็นคนที่ประสบความสำเร็จและก้อเพิ่งแต่งงานไปได้ไม่กี่ปี แกบอกผมว่า ถึงแม้แกจะรู้สึกว่าแกมีความสุขกับชีวืตที่เป็นอยู่ตอนนี้ แต่แกก็เสียดายที่ใช้ชีวิตไม่คุ้ม แกปล่อยให้ชีวิตวัยรุ่นแกผ่านไปอย่างปล่าวเปลี่ยว เดียวดาย แกไม่เคยมีแฟนเลยในช่วงวัยรุ่น แกบอกว่าถ้าเอาเวลาช่วงนั้นกลับมาได้ก็คงดี และก็บอกผมว่าอย่าทำเหมือนที่แกเคยทำ ใช้ชีวิตให้คุ้มอยากทำอะไรก็ทำ ตราบใดที่มันไม่ได้ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ไม่อย่างนั้นจะต้องมานั่งเสียใจในสิ่งที่ไม่ได้ทำผมจะเล่าอีกเรืองนึงให้คุณฟัง ผมมีเพื่อนอยู่คนนึง เป็น AFC มันชอบมาถามผมเสมอ ๆ ทำไมมีสาว ๆ มาชอบผมเยอะ ถามว่ามันควรจะทำยังไงในการจีบสาว ผมก็บอกมันไป แต่รู้อะไรมั้ยครับ มันไม่เคยเอาไป ปฎิบัติเลย เวลามันไปเที่ยวกับผม มันเจอสาวที่ชอบ มันก็ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นแหละ มันหวังที่จะให้ผู้หญิงมา สนใจมันก่อนมันถึงจะกล้าเข้าไปคุย และนั่นก้อเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลย หลังจากนั้นมันก็ชอบที่จะมาบ่นให้ ผมฟังว่า ทำไมมันจีบสาวไม่ได้ ทำไมมันไม่มีแฟนซะที มันชอบคิดว่ามันไม่หล่อพอ มันคงเป็นโรคไม่ถูกกับ ผู้หญิงมั้ง ผมบอกกับมันไปว่า "เฮ้ย มึงรู้มั้ย ปัญหาจริง ๆ มันไม่ได้อยู่ที่มึงหล่อหรือไม่หล่อ หรอกว่ะ" "จริงเหรอวะ แต่กูว่ามันน่าจะใช่นะ" มันชอบตอบอย่างนี้ "แล้วมึงเห็นว่ากูเป็น เจ มณฑลหรือไง มึงเห็นว่ากู
หล่อนักหนาเหรอไงวะ" "มึงก็ธรรมดาว่ะ แต่มึงจีบสาวเก่งนี่ มึงถูกกับผู้หญิง กูมันเป็นโรคไม่ถูกกับผู้หญิง"
"ไอ้โรคถูกกับผู้หญิงหรือเปล่านั่นก็ไม่เกี่ยวเลย" ผมบอก "แล้วอาไรว่ะ"
"ที่มึงจีบสาวไม่ติด ที่มึงไม่มีแฟนเพราะว่า มึงไม่เข้าไปคุยกับผู้หญิง!!!!!
มึงเอาแต่มอง มอง มอง แล้วก็มอง มึงกลัวเค้าจะปฎิเสธมึง
มึงเลยหวังที่จะให้เค้าเข้ามาคุยกับมึงก่อน กูจาบอกอาไรให้
การที่ผู้หญิงมาคุยจีบผู้ชายก่อนมันเหมือนกับดาวหางฮัลเลย์
มันจะมาประมาณ 75 ปีครั้ง!!!!" จะรอมั้ยล่ะ
ใช่ การถูกปฎิเสธ มันสามารถทำให้เราเจ็บปวดได้ มันทำให้เรามองตัวเองว่าด้อยค่า ไม่มีความหมาย
มันแย่ครับ มันทำให้เราสงสัยในตัวเราเอง และมันจะเจ็บมากที่สุดในครั้งแรกที่คุณถูกปฎิเสธ คุณอาจจะ
เจ็บปวดมากถึงขั้นร้องไห้ออกมา กินไม่ได้นอนไม่หลับ แต่รู้มั้ยครับ ครั้งต่อ ๆ ไปมันจะเจ็บน้อยลง น้อยลง น้อยลง น้อยลง จนกระทั่งวันนึงคุณจะรู้สึกเหมือนที่ผมรู้สึกเลยว่า "กูไม่จำเป็นต้องเจ็บนี่หว่า"
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น